Fukuoka Busan and Seoul Trip - ตอนที่ 6 ไปเที่ยวที่ยูฟูอิน (Yufuin) กัน!!!

ตอนที่ 6 ไปเที่ยวที่ยูฟูอิน (Yufuin) กัน!!!

09/04/2014

       เช้าวันที่ 2 เรากำลังเดินทางไปเที่ยวที่ยูฟุอิน ( http://www.japan-guide.com/e/e4750.html )  โดยนั่งรถไฟ Yufuin no Mori (http://www.jrkyushu.co.jp/english/train/yufuin_no_mori.html) โดยใช้ JR Pass ที่เราได้ซื้อเอาไว้ อ้อ ลืมบอกอีกอย่างครับว่าตอนเปิดใช้งาน JR Pass เราได้จองที่นั่งของรถไฟไว้ด้วย เพื่อจะได้สะดวกและไม่ต้องแย่งที่นั่งกับใคร (สามารถจองได้ทันทีที่เปิดใช้งาน JR Pass โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆเพิ่มเติม)

รายละเอียดรถไฟขบวนอื่นๆและตารางเวลา: http://www.jrkyushu.co.jp/english/time_table/time_table.html

       โดยเราเลือกที่จะเดินทางรอบแรกคือ Yufuin-no-Mori1 เวลา 9:24 - 11:34 ( ส่วนรถไฟ Yufu1 เฉยๆ คืออะไรไม่ทราบเหมือนกันนะครับ )

       เราจึงต้องรับออกจากที่พักตั้งแต่ 8.30 เพื่อมาซื้อข้าวกล่องที่ร้าน Hotto Motto เพื่อไปทานบนรถไฟ...
       ร้านอาหารในญี่ปุ่นส่วนใหญ่ เขาจะมีตึกเป็นหลักเป็นแหล่ง จะไม่มีมาขายตามข้างทางสักเท่าไหร่ ซึ่งทำให้ทางเดินเท้า ก็มีไว้สำหรับเดินกับปั่นจักรยานจริงๆ แต่บางทีเดินๆอยู่ก็มีเสียวหลัง เพราะต้องระวังจักรยานเหมือนกัน...

แวะซื้อข้าวกล่องที่ร้าน Hotto Motto

       ผมค่อนข้างชอบรถไฟของที่นี่นะครับ เพราะรถไฟของเขามีหลายแบบมาก ชื่อของรถไฟก็จะต่างกัน บางขบวนก็สีเขียวบ้าง น้ำเงินบ้าง ดำบ้าง ขึ้นอยู่กับเส้นทางการเดินรถเลยครับ

คันนี้แหละครับ Yufuin-no-Mori

อยากให้รถไฟไทยของเราเป็นแบบนี้บ้างจัง...

       
       วันนี้ก็ยังรู้สึกป่วยๆเพลียๆเหมือนเดิม เมื่อขึ้นรถไฟได้ก็หลับเอาแรงทันทีเลยครับ...
รถไฟนี้เป็นรถไฟแนวๆพาเที่ยวชมวิวมากกว่า เลยขับไม่ค่อยเร็วมากนัก ระหว่างทางถ้าผ่านจุดอะไรที่น่าสนใจ คนขับรถไฟก็จะชะลอความเร็วเพื่อให้เราได้ชมวิวจุดๆนั้นด้วยครับ...บนรถไฟก็มีไอศครีมหรือเครื่องดื่มขายด้วย ส่วนเรื่องของราคา...ค่อนข้างแพงเลยทีเดียว

ราคาแพงแค่ไหนก็อยากจะลองสักครั้งหนึ่งในชีวิต...

ออกมาชานเมืองแล้ว ต้องรีบสูดอากาศบริสุทธิ์เยอะๆ

      
       ก่อนลงจากรถไฟ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะเดินแจกแผนที่ในเมืองยูฟุอินให้เราด้วย เป็นแผนที่ที่ค่อนข้างละเอียด...ละเอียดกว่าที่ผมเตรียมมาซะอีก...

แผนที่และรายละเอียดเกี่ยวกับเมืองยูฟุอิน:
http://www.pref.oita.jp/uploaded/attachment/183387.pdf

       เมื่อถึงยูฟุอินเราจึงรีบมุ่งไปยังที่พักเพื่อเก็บของทันที ที่พักมีจักรยานให้เรายืมปั่นในเมืองนี้ด้วย (ถ้าให้เดินอีกก็คงไม่ไหวแล้ววว)

       ยูฟุอินเป็นเมืองที่ค่อนข้างเงียบสงบ เป็นแนวธรรมชาติ มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมากๆ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการมาพักผ่อนจริงๆ...

ประเทศนี้ อะไรๆก็สวยไปหมด

แม้แต่สุนัขก็ยังสวย ( ได้ข่าวว่าตัวผู้ )

       
       ที่แรกที่เราจะไปก็คือ ทะเลสาบคิรินโกะ (Lake Kinrinko) โดยเราจะปั่นจักรยานไปตามเส้นทางเรียบลำธารไป (ถ้าดูตามรูปด้านล่างก็คือเส้นสีเหลือง)

เที่ยวหมดนี้ก็ 1 วันเต็มๆครับ

       
       ผมคิดว่าถ้าจะมาที่ยูฟูอินก็น่าจะเป็นช่วงนี้แหละครับ ช่วงปลายมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน เพราะอากาศค่อนข้างเย็นสบาย...ไม่หนาวมาก อีกทั้งยังมีดอกซากุระด้วย...ฟินเว่อร์!!!

กำลังมุ่งหน้าไปทะเลสาบคิรินโกะ 

ถ้ามาก่อนหน้านี้สัก 1 อาทิตย์ ซากุระคงบานเต็มต้นพอดี...

นี้ถ้าไม่ติดว่าอากาศหนาว...คงได้ก็โดดลงไปเล่นน้ำแล้ว

       
       ระหว่างทางปั่นจักรยาน ผมเห็นผู้หญิงสองคนหน้าตาค่อนข้างดี...ใส่ชุดยูนิฟอร์มสีเขียวกำลังเก็บขยะอยู่...ใช่แล้ว เธอคือพนักงานเก็บขยะนั่นเอง...เธอทั้งสองหันมาพูดกับผมว่า "Konnichiwa" ผมอึ้งๆไปนิดนึง แล้วตอบกลับว่า "สวัสดีครับ" เหมือนอารมณ์เปลี่ยนโหมดภาษาไม่ถูก...แต่กว่าจะปรับถูก ผมก็ปั่นจักรยานเลยไปแล้ว ฮ่าๆ... แต่ที่ผมแปลกใจก็คือหน้าตาเธอสองคนนั้นก็ดีนะครับ แต่ทำไมถึงมาเป็นพนักงานเก็บขยะ ก็ไม่ทราบเหมือนกัน หรือว่าพวกเขาคิดว่าทุกอาชีพมีเกียรติในตัวของมัน...
และแล้วเราก็มาถึงทะเลสาบคิรินโกะ...คนที่มาเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็น Group Tour ครับ มาที 3-4 คันรถบัสเลยครับ...แทนที่จะได้สูดอากาศบริสุทธิ์ กลับต้องมาสูดควันรถเหมือนเดิม...

ทางเข้าทะเลสาบคิรินโกะอยู่ทางนี้ๆ

ถ้าที่บ้านเป็นแบบนี้คงจะน่าอยู่มากๆ >.<

เงียบสงบและสวยงามมาก

มีร้านอาหารริมทะเลสาบด้วย

ถ่ายกับคนลากรถ กล้ามที่ขาใหญ่มาก ใครอยากกล้ามขาสวยต้องมาลากรถลากแล้วละ 

       
       จากนั้นเราจึงมุ่งหน้าปั่นจักรยานไปทางถนนคนเดิน ( วงกลมสีม่วง ) ในเมืองยุฟุอิน...หรือที่เรียกว่า "Yuno-tsubo-kaido Street" ซึ่งมีร้านค้าตลอดเส้นทางของถนนนี้...

เดินไปทางไหนก็เจอแต่หมี Kumamon

กระถางต้นไม้ ไอเดียแจ่ม แต่ราคานี้สิเกือบ 400 บาท

ใครชื่นชอบ Ghibli...ร้านนี้มีของเยอะมาก ทั้ง CD ตุ๊กตา ปากกา กระเป๋า ฯลฯ

แล้วพี่เอารถไฟมาวางตรงนี้ได้ยังๆไง...

เมืองนี้มีทั้งรถม้าและรถคนลาก 

       
       ซึ่งเมื่อปั่นจักรยานไปตามถนน Yuno-tsubo-kaido เรื่อยๆ สุดท้ายแล้วเราก็จะวนกลับมาที่สถานีรถไฟเหมือนเดิม...
       จริงๆเราผ่าน Flora Village ด้วย แต่เนื่องจากไม่มีที่จอดจักรยาน เลยตัดสินใจไม่เข้าไป...ตอนแรกผมสังเกตฝั่งตรงข้ามจะมีลานกว้างๆอยู่ และมีจักรยานจอดไว้อยู่ 1 คัน ผมนึกว่าตรงนั้นจอดได้ เลยกำลังจะเข็นรถไปจอด...แต่อยู่ๆก็มีลุงคนหนึ่งแกโผล่มาจากไหนไม่รู้ แล้วทำท่านี้ใส่เรา...

X-Cross Attack ตายซะ!!!

อะไรกัน น้ามูก็เอาด้วยหรอ

      
       เท่านั้นยังไม่พอ แกยังพูดว่า No!! พร้อมสะบัดมือไล่เราเยี่ยงสุกรเยี่ยงสุนัข...คือ!!! พูดกันดีๆก็ได้ว่าห้ามจอด...ตั้งแต่มาญี่ปุ่น ผมเพิ่งเจอคนแบบนี้แหละครับ จริงๆในไทยก็ไม่น่ามีคนที่เป็นแบบนี้ด้วยซ้ำ...แต่ก็ทำให้รู้ว่าไม่ว่าชาติไหนๆก็มีคนที่ไม่เป็นมิตรเหมือนกัน...หงุดหงิดเลยไม่เข้าเลย!!

ลำธารนี้เชื่อมไปถึงทำเลสาบคิรินโกะเลย

มีถนนแต่ไม่มีรถ สลับกับกรุงเทพเลย ฮ่าๆ

ผู้คนหายไปไหนกันหมด...

       
       เมื่อเราวนกลับมาที่วงกลมสีเหลืองเหมือนเดิม เราจึงตัดสินใจปั่นจักรยานไปเส้นทางตรงข้ามทางไปทะเลสาบคิรินโกะ...เส้นทางนี้จะเป็นหมู่บ้านซะส่วนใหญ่ คนที่อาศัยอยู่แถวนี้จะขับรถคันเล็กๆกัน เนื่องจากถนนค่อนข้างแคบ...

น้ำใสมาก...มีชาวบ้านมานั่งตกปลากันด้วย...

รางรถไฟที่มุ่งหน้าไปยังโออิตะกับเบบปุ

ปั่นจักรยานแบบไม่คิดอะไร ก็มีความสุขเหมือนกันนะเนี๊ย

ตรงนี้ซากุระยังบานอยู่เลย

       
       ระหว่างที่กำลังกลับที่พักเราได้ผ่านลำธารสองแยกตามรูปข้างบน ผมได้พบเสื้อผ้าเด็กประถมปลิวตกอยู่บนพื้น...เมื่อมองไปกลางสะพานข้ามลำธาร ผมพบกางเกงและถุงเท้าที่พับเรียบร้อยอยู่ในถุงพลาสติกที่เหลือ ซึ่งในถุงมีกระดาษที่เขียนชื่อของเด็กไว้ด้วย...คือมันอาร์ตมากอะครับ ถ้าเป็นผม ผมไม่เคยพับเสื้อผ้าเรียบร้อยพร้อมเขียนชื่อตัวเองแล้วใส่ในถุงแบบนั้นหรอกครับ...สุดท้ายแล้วก็ไม่ทราบว่ามันมาตกตรงนี้ได้อย่างไร หรือเด็กมาเล่นน้ำแล้วจมน้ำหายไปแล้วก็ไม่ทราบ...

ดวงอาทิตย์เริ่มตกดินแล้ว...

       
       เมื่อปั่นเที่ยวทั่วเมืองแล้ว...ดวงอาทิตย์ก็เริ่มตกดินพอดี...
โดยรวมเมืองยูฟุอินเป็นเมืองเล็กๆ เที่ยววันเดียวก็ไปได้รอบเมืองแล้วละครับ แต่เมืองนี้เหมาะกับการมาพักผ่อนมากๆ เพราะค่อนข้างเงียบสงบและมีต้นไม้ค่อนข้างเยอะ
อีกทั้งอากาศบริสุทธิ์มากเพราะอยู่ห่างออกมาจากเมืองฮากาตะหลายร้อยกิโลเมตร...
ใครคิดจะหาที่พักผ่อนที่เงียบสงบ ที่นี้เป็นที่ๆที่เหมาะสมมากๆครับ...


ก็ขอจบวันที่ 2 ของทริปนี้ไว้เท่านี้แหละครับ...