ตอนที่ 7.5 ไปเที่ยวที่เบปปุ (Beppu) กันต่อ!!!
เมื่อออกจากร้านคุณลุงราเมง
เราจึงมุ่งหน้าไปบ่อที่ 6 ต่อ บ่อนี้เป็นบ่อที่มีรูปปลา ( Shiraike Jigoku ) เป็นบ่อที่มีขนาดเล็กๆ และมีสวนหย่อมล้อมรอบ สีของน้ำในบ่อนี้มีลักษณะคล้ายน้ำนม
เมื่อเดินเข้าไปข้างในเรื่อยๆ จะมี A quarium
ซึ่งมีปลาหลากหลายชนิด รวมทั้งปลาโบราณด้วย...
น้ำเป็นสีน้ำนมจริงๆด้วย
มี Aquarium อยู่ด้านหลังควันสีขาวๆ
ระหว่างเดินไปชมปลา ก็จะผ่านรูปปั้นต่างๆ
จากนั้นเราจึงเดินไปยังบ่อจระเข้ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน
( Oniyama
Jigoku ) เป็นบ่อที่มีอุณหภูมิที่พอเหมาะที่จระเข้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้
ผมแอบสงสัยว่า จริงๆแล้วเมื่อก่อนจระเข้มาอยู่ในบ่อนี้ก่อนอยู่แล้วหรือเขาเอาจระเข้มาปล่อยทีหลัง...อารมณ์เหมือนมาฟาร์มจระเข้เพราะมีจระเข้ตั้งแต่รุ่นลูกยันรุ่นทวดอยู่กันยัวเยี๊ยไปหมด
ขาดอย่างเดียวคือไม่มีโชว์จระเข้แบบบ้านเรา...
ยมบาลไม่ได้ออกกำลัง T25 แน่เลย ลงพุงเชียว อิอิ
อายุ 65 ปี แต่เอ๊ะ...อย่างนี้ต้องเปลี่ยนป้ายทุกปีเลยละสิ..
จระเข้ตัวเหลืองเชียว คงไม่ได้ชอบทานฟักทองนะ
เราจึงมุ่งหน้าต่อไปยังบ่อที่
4 คือบ่อทำอาหาร ( Kamado Jigoku )
ในบ่อนี้เป็นบ่อที่จัดเตรียมสถานที่เป็นเหมือนห้องครัวนรก
โดยมีรูปปั้นยมบาลเป็นหัวหน้าพ่อครัว โดยบ่อนี้เราสามารถดื่มน้ำแร่ร้อนธรรมชาติได้
ซึ่งถามว่ากล้าดื่มไหม ก็น่าลองนะ แต่ว่าไม่ดีกว่า ฮ่าๆ
ในบ่อที่
4 นี้ มีผนังพ่นไอน้ำด้วย โดยเราสามารถนำหน้าไปอัง ไอน้ำนั้นเพื่อความสดชื่นของใบหน้า (หรอ ?) ส่วนใครที่แต่งหน้าไป ระวังหน้าคงเยิ้มออกมาด้วยนะครับ...
นี้มันหม้อไฟใช่ไหมเนี๊ย!?
ทำป้ายซะน่ารักเชียว มีหลังคาด้วย
แต่น้ำมันใสน่าเล่นจริงๆอ่ะ
หัวหน้าพ่อครัวอยู่ตรงตรงบ่อ 100 องศานี้นี้เอง...อ้าวแล้วยังงี้น้ำไม่แห้งเป็นไอน้ำกันหมดหรอ
บ่อโคลนนี้มีหลังคาป้องกันน้ำฝนชะล้างด้วย...แสดงว่าเป็นบ่อที่เอาโคลนมาถมเองแน่ๆเลย
ถ้าไม่มีไม้กั้น ก็อยากเอามือไปสัมผัสดูเหมือนกันนะเนี๊ย
รั้วสีแดงมันอาร์ตมาก ที่จะตัดกับสีเขียวและฟ้า
เราเดินต่อไปยังบ่อที่
3 ( Yama Jigoku ) ที่อยู่ใกล้ๆกัน
บ่อนี้จัดเตรียมสถานที่เหมือนสวนสัตว์ โดยมี นกฟามิงโก้ ลิงแสม ฮิปโป
หรือแม้กระทั้งม้าแคระ เดินดูเพลินๆครับ... เมื่อเดินเข้าไปเรื่อยๆ
ก็จะพบกับบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์คือบ่อน้ำร้อนนี้...ซึ่งผุดมาจากภูเขา
ระหว่างเดินกลับผมมองไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งใส่กระโปรงสั้นมาก...ตอนแรกผมนึกว่าคนญี่ปุ่นด้วยซ้ำ
แอบคิดในใจว่าเขากล้าใส่กระโปรงสั้นขนาดนี้เลยหรอ...แต่แล้วเมื่อเขาเดินผ่าน
ผมได้ยินภาษาไทยชัดเจนเลยครับ
ตอนแรกคิดว่าทำไมคนญี่ปุ่นพูดไทยชัดจัง...ใช่ที่ไหนกันละ !! ก็คนไทยนั้นแหละ
ฮ่าๆ ผมเข้าใจนะ คือ อยู่ไทยคงไม่มีโอกาสได้ใส่กระโปรงสั้นขนาดนี้
ประเทศนี้เลยเป็นประเทศที่เขาสามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาได้...แต่เอาจริงๆ
ผมไม่ค่อยเห็นคนญี่ปุ่นใส่กระโปรงสั้นขนาดนี้หรอกครับ...
ถึงจะไม่ใหญ่มาก แต่จัดได้ค่อนข้างสวยงามทีเดียว
บ่อที่
1 เป็นบ่อ Umi Jigoku
บ่อนี้มีการจัดสวนรอบบึงน้ำสีเขียวมรกต ซึ่งสวยงามมากๆ แต่บึงสีมรกตนี้ไม่ได้เป็นน้ำร้อนนะครับ...เป็นบ่อสีฟ้านี้ต่างหาก...โดยเราสามารถเดินขึ้นภูเขาเพื่อมองชมวิวบ่อน้ำร้อนจากมุมบนได้เช่นกัน
ผมว่าบ่อที่ 1 นี้เป็นบ่อที่สวยที่สุดแล้ว เหมาะสำหรับมานั่งเล่นพักผ่อนมากๆ
ร่มรื่นมากๆ ยังมีซากุระหลงเหลืออยู่ด้วย
ทำไมพอเห็นอะไรกั้นๆอยู่...ผมอยากจะลองเดินเข้าไปดูทุกที
ตรงนี้เป็นน้ำตกร้อน...ตกไปจะเป็นยังไงละเนี๊ย
อ้าว ! แล้วบ่อที่ 2
หายไปไหนละ...อ๋อ อยู่ใกล้ๆกันนั้นเอง บ่อนี้มีชื่อว่า Oniishibozu Jigoku
หรือที่เรียกกันว่าบ่อโคลน คือมันเป็นโคลนสีเทาๆ เหมือนตะกั่ว
บางคนบอกว่าลักษณะมันคล้ายกับพระที่โกนผมแล้ว (แล้วพระที่ไหน
ไม่โกนผมละ ) บ่อที่ 2
นี้มีที่สระน้ำอุ่นเล็กให้แช่เท้ากันด้วย...มีหรือเราจะพลาด...
บ่อโคลนสีตะกั่ว มันเป็นวงสวยมากๆ
ลองเข้ามาดูใกล้ๆกัน
ระหว่างที่แช่เท้าอยู่นั้น
ผมรบกวนชาวต่างชาติคนอื่นที่เดินผ่าน ช่วยถ่ายรูปคู่ให้ เขาก็ยินดีที่จะถ่ายให้
เอ้า 1 2 3..แช๊ะ
ขอบคุณมากครับ สำหรับน้ำใจอันงดงาม T^T
เมื่อมองดูนาฬิกา
ตอนนั้นเวลาประมาณ 16.00 น. ใจหนึ่งก็อยากไปดูสถานที่ ที่คุณลุงราเมงบอกเอาไว้ แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าจะกลับรถไฟไป
Hakata ไม่ทัน
สุดท้ายแล้วจึงต้องรีบกลับดีกว่า...ต้องขอโทษคุณลุงด้วยที่ผมบอกว่าจะไป
แต่สุดท้ายไม่ได้ไป..โคตรรู้สึกผิดเลยอ่ะ เราจึงออกไปรอรถบัสข้างๆบ่อที่ 2
โดยตอนขากลับ เป็นรถบัสคันสีชมพู
นั่งรอประมาณ 20 นาที แต่ไม่รู้สึกว่านานเลย สงสัยเพราะอากาศเย็น ใจก็เลยเย็น
ส่วนรถไฟกลับไป Hakata นั้นเป็นรถไฟ
Sonic ขบวนสีน้ำเงิน ซึ่งจะยิงยาวไป Hakata เลย ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
ระหว่างรอรถไฟ Sonic
ในที่สุดก็มาแล้ว
ภายในรถไฟ
ที่รองศีรษะเหมือนหูมิกกี้เม้าส์เลย
ระหว่างที่กลับนั้น
เราก็เห็นครอบครัวคนไทยครอบครัวหนึ่ง คุยโดยใช้ภาษาไทยกันอย่างสนุกสนาน แต่เขาคงไม่รู้ว่าเราเป็นคนไทยเหมือนกัน...เมื่อเราเริ่มพูดภาษาไทยคุยกันเองบ้าง
เหมือนเขาคงได้ยินเราคุยภาษาไทย ทางนั้นจึงเริ่มอัพเกรดตัวเอง
คุยกันโดยใช้ภาษาอังกฤษตลอด... คือผมก็ไม่เข้าใจนะครับ ว่าเพราะอะไร ฮ่าๆ
ตลกมาก...หรือเป็นเพราะที่เขาคุยกันเป็นความลับมากๆ จนไม่อยากให้เราได้ยิน
แต่ที่แน่ๆ หากคุยเป็นภาษาอังกฤษ ยังไงคนก็ฟังได้รู้เรื่องก็ต้องเยอะกว่าเดิมแน่ๆ
เมื่อรถไฟเดินทางมาถึงสถานีชุมทางหนึ่ง
แต่ยังไม่ใช่สถานี Hakata ผู้คนจำนวนครึ่งหนึ่งเริ่มลงออกจากรถ จากนั้นผมเริ่มเห็นผู้โดยสารท่านอื่นเริ่มหมุนเบาะนั่ง
เพราะว่ารถจะวิ่งอีกฝั่งหนึ่ง (เหมือนวิ่งกลับ )
VIDEO
ไฮโซมาก
เกิดมาเพิ่งเคยเห็นว่าหมุนเบาะได้ด้วย...ก็ใช่นะสิ ปกตินั่งแต่รถไฟชั้น 2
พับเป็นเตียงได้ก็หรูแล้ว...
เมื่อเดินทางมาถึงสถานี
Hakata เราจึงเดินซื้อของฝากในญี่ปุ่นเพราะว่าคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่อยู่ที่นี้แล้ว
เพราะพรุ่งนี้เราจะมุ่งหน้าไปยังเมืองปูซานประเทศเกาหลีในตอนเช้า...
ระหว่างทางที่เดินซื้อของอยู่นั้น
ก็ได้มาเจอกับหุ่นโดราเอมอนเป็นจำนวนมาก
ยืนเรียงรายกันอยู่พร้อมกับของวิเศษ...แต่คนถ่ายรูปค่อนข้างเยอะ
เลยไม่ได้มีจังหวะเก็บภาพมาทั้งหมด...จึงเดินซื้อของฝากกันต่อ
จากนั้นก็กลับที่พักที่ข้าวสารโฮสเทลที่เดิม เตรียมตัวออกเดินทางวันพรุ่งนี้ต่อ
โดราเอมอนเกือบ 30 ตัว
จบค่ำคืนสุดท้ายทีเมือง Hakata
ถามได้ไหมคะ ว่าสถานที่ที่คุณลุงบอกคืออะไรหรือคะ พอดีกำลังจะไปที่นั่น เลยอยากรู้ว่ามีอะไรน่าสนใจอีกน่ะค่ะ
ReplyDeleteไม่แน่ใจเหมือนกันครับว่ามันคือที่ไหน แต่ดูเหมือนต้องนั่งรถเมล์ไปอีกสัก 10-15 นาที
Deleteซึ่งหากไปเที่ยววันเดียวอาจจะไปไม่ทันนะครับ ต้องลองกะเวลาดูครับ
ไม่งั้นลองเข้าไปถามร้านคุณลุงดูก็ได้ครับ ฮ่าๆ ส่วนร้านของลุงอยู่แถวๆป้ายรถเมล์ของบ่อ 1-6 เลยครับ
รออ่านตอนไปเกาหลีค่ะ กะลังจะตามรอย
ReplyDelete