Fukuoka Busan and Seoul Trip - ตอนที่ 5 ฟูกุโอกะ ทาวเวอร์ ( Fukuoka Tower ) และแหล่งช๊อปปิ้ง Canal City

ตอนที่ 5 ฟูกุโอกะ ทาวเวอร์ ( Fukuoka Tower ) และแหล่งช๊อปปิ้ง Canal City

       สถานที่ต่อไปที่เราจะไปกันคือ Fukuoka Tower (รายละเอียดเพิ่มเติม http://www.japan-guide.com/e/e4801.html และ http://www.fukuokatower.co.jp/english ) หากไม่ได้มาเที่ยวที่นี้...ถือว่ามาไม่ถึง Fukuoka โดย Fukuoka Tower มีความสูง 234 เมตร ส่วนจุดชมวิวตั้งอยู่ชั้น 123 ส่วนชั้นล่างจุดชมวิว ก็มีร้านอาหารด้วย… โดยเราสามารถมองเห็นวิวของเมือง Hakata และอ่าว Hakata ได้อย่างชัดเจน รวมทั้งอ่าว Hakata ด้วย... ส่วนข้างๆ Fukuoka Tower จะมีชายหาด ในช่วงตอนเย็นๆก็มีชาวญี่ปุ่นมาเดินเล่นชายหาดนี้เหมือนกัน

ว้าว Fukuoka Tower ตั้งติดทะเลซะด้วย

               การเดินทาง เราเลือกเส้นทางที่ประหยัดสุด ฮ่าๆ ทั้งๆที่ตอนนี้สังขารก็ไม่ค่อยจะไหวแล้ว เนื่องจากเกิดมาเพิ่งเคยเดินทั้งวันทั้งๆที่ป่วยแบบนี้ โดยนั่งรถไฟใต้ดินมาขึ้นที่สถานี Nishijin และเดินต่ออีก 15-20 นาที แต่ผมเริ่มจะไม่ค่อยเชื่อ คำว่า “เดิน 15-20 นาที” ของคนญี่ปุ่นแล้วครับ ตีไปก่อนเลยว่า 25-30 นาทีแน่นอน

       ด้วยความชำนาญในเส้นทางเอามากๆ ทำให้เราเลือกเดินทางตามเส้นสีฟ้ารูปข้างล่างนี้ อ้อมโลกมากๆ ใครเดินแบบผม อย่าเอาเป็นตัวอย่างนะครับ...เดินตรงๆก็ถึงแล้ว เฮ้อ...เพลีย...

เดินใกล้ๆไม่ชอบ ชอบเดินไกลๆ เพลีย...

ด้านขวาเป็นสนามเบสบอลของโรงเรียนมัธยม นักเรียนที่นี้นิยมเล่นเบสบอลเอามากๆ

เดินตั้งแต่ดวงอาทิตย์ยังไม่ตก จนเกือบจะตกดินละ

ตอนแรกว่าจะลองเดินขึ้นบันไดดู เพื่อทดสอบความฟิต

เปลี่ยนใจละ มาขึ้นลิฟต์ดีกว่า อิอิ

       
       Fukuoka Tower เปิดให้เข้าชม 9.30 – 22.00 น. ส่วนค่าเข้าชมราคา 800 เยน แต่ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวที่นำ Passport มาด้วย จะลด 20 % เหลือประมาณ 640 เยน (ตอนแรกแอบหลงดีใจ นึกว่าเขาลดราคาให้เพราะเราเป็นนักเรียนนักศึกษา ทั้งๆที่หน้าเราก็เกินวัยมาแล้ว ฮ่าๆ)

คนน้อยมาก ไม่ต้องเข้าคิวเลย สบายละ ฮ่าๆ

      
       นักท่องเที่ยวมา Fukuoka Tower ค่อนข้างน้อยมาก ถ้าเทียบกับ Tokyo Sky Tree หรือ Seoul Tower คือซื้อตั๋วแล้วสามารถขึ้นได้ทันทีโดยไม่ต้องเข้าคิวเลย... 

เมื่อมองขึ้นไป ก็รู้สึกขาสั่นๆ ยังไงไม่รู้ 

       
       สิ่งที่ผมชอบใจเอามากๆคือพนักงานต้อนรับที่พาเราขึ้นจุดชมวิว เธอบริการดีและเอาใจใส่มากๆ คือเวลาเธอพูดหรืออธิบาย...เธอจะยิ้มตลอดเวลา ซึ่ง...เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆของการทำงานบริการ...แต่ด้วยความสงสัยของผม ผมอยากทราบว่าพนักงานคนนี้เธอมีมุมอื่นอีกหรือเปล่า ทำไมเธอถึงยิ้มได้ตลอดเวลา...ระหว่างที่อยู่บนลิฟต์...หลังจากเธออธิบายให้นักท่องเที่ยวเสร็จ เธอก็จะให้นักท่องเที่ยวได้ชมวิวข้างนอกลิฟต์ ผมจึงเหล่ๆมองเธอ อยากรู้ว่าเวลาเธอไม่ได้พูดคุยกับนักท่องเที่ยว เธอจะทำหน้าแบบไหน...สิ่งที่ผมเห็นก็คือ...ใบหน้าปกติของเธอ เวลาไม่ได้ยิ้ม แต่จุดที่สำคัญคือ...ดวงตาเธอดูเศร้ามากๆ เหมือนมีเรื่องทุกข์ใจอยู่ในใจ แต่ทำไมเวลาเธอพูดคุยกับเรา หน้าตาเธอถึงได้ดูยิ้มแย้มและมีความสุขขนาดนั้น...สิ่งที่ผมได้รับจากการมาที่นี่คือ...คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่สามารถแบ่งเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ ได้แบบสุดยอดมาก...ผิดกับผม หากวันไหนอารมณ์ไม่ดี วันนั้นงานคงไม่เดิน ฮ่าๆๆ

ขึ้นมาถึงชั้นชมวิวแว้ววว โล่งได้ใจจริงๆ

อาคารในทะเลนั้นเรียกว่า Marizon

ใน Marizon ก็จะมีร้านอาหารและร้านขายของอยู่ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
 http://www.marizon.co.jp/guide.html

ส่วนใครอยู่เห็นภายใน Marizon สามารถดูได้จากที่นี่
http://visit360.jp/gate/play/marizon/marizon.html

ผมไม่ได้เดินเข้าไปชมเนื่องจาก เดินไม่ไหวแล้ว อีกทั้งลมค่อนข้างแรงและหนาวมากๆ

เห็นอย่างนี้แล้วอยากเป็นนกจัง

ประเทศเกาหลีก็อยู่ทางทิศตะวันตกของญี่ปุ่น

Hakata Port ก็อยู่ทิศนี้แหละครับ แต่ห่างไปประมาณ 7 กิโลเมตร

      
       หลังจากชมวิวเสร็จแล้ว เราก็เดินลงไปข้างล่างเพื่อสำรวจว่ามีอะไรบ้าง ชั้นล่างจุดชมวิวก็จะมีร้านอาหารและมีจุดชมวิวอีกชั้นหนึ่ง...แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาจะมาพักทานอาหาร เรายังมีอีกจุดหมายหนึ่งคือ Canal City ( http://www.japan-guide.com/e/e4800.html ) เพราะตั้งใจจะไปทานอาหารที่ Yatai ( http://www.japan-guide.com/e/e4803.html ) จึงตัดสินใจกดลิฟต์ชั้นจุดชมวิวด้านล่าง...เมื่อลิฟต์มาถึง...พนักงานผู้หญิงท่านหนึ่งที่อยู่ในลิฟต์บอกเราว่า “ให้ใช้ลิฟต์ชั้นจุดชมวิวข้างบนเหมือนเดิมนะคะ” เราก็ตอบเขาว่า “อ่อๆ ได้ครับๆ ผมจะขึ้นไปชั้นเดิมนะครับ” เราจึงขึ้นบันไดไปจุดชมวิวชั้นเดิม... แล้วเราก็กดลิฟต์เพื่อที่จะลง...ขณะที่ประตูลิฟต์เปิดนั้น สิ่งที่ผมเห็นก็คือ...พนักงานผู้หญิงคนเดิม ที่เห็นเมื่อสักครู่นี้...สรุปคือ เจ๊ให้ผมขึ้นมาทำม๊ายยย ให้เดินขึ้นบันไดมาเพื่อลงลิฟต์ตัวเดิม เจ๊รู้ไหมครับว่าวันนี้ผมเดินมาทั้งวันเลย เดินจะทั่วเมืองนี้แล้วนะครับ ทำไมไม่ให้ผมลงลิฟต์ชั้นนั้น T___T ....แต่ผมเข้าใจครับ คือเขาค่อนข้างมีระเบียบวินัยมากๆต่อกฎและข้อบังคับต่างๆ แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆก็ตาม...
       แต่ประเด็นคือ ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มจะสลัวๆแล้ว และเราคงจะเดินกลับไม่ไหวแล้วละสิ...จึงตัดสินใจนั่งรถ Bus จาก Fukuoka Tower มาลงที่สถานี Nishijin เหมือนเดิม ถ้าจำไม่ผิดน่าจะราคาประมาณ 200 เยน

       จากนั้นก็นั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานี Gion เหมือนเดิม เพื่อที่เดินตามหา Yatai แต่สุดท้ายแล้วหาไม่เจอ อีกทั้งอากาศเริ่มเย็น ร่างกายเริ่มล้า จึงตัดสินใจทานอาหารใน Canal City แทน อดทานอาหารที่ Yatai เลย... หลังจากทานอาหารเสร็จก็มานั่งดูน้ำพุเต้นระบำ จากนั่นเดินซื้อของฝากเล็กๆน้อยๆ แต่เท่าที่เดินดู รู้สึกว่าที่นี้เขาไม่มี Tokyo Banana ขายกันนะครับ (ก็ไม่ได้อยู่โตเกียวนี้หน่า...แต่ก็อยากกินอ่า) มีแต่เจ้าหมีคุมาม่อน (Kumamon... http://en.wikipedia.org/wiki/Kumamon ) หลังจากซื้อของฝากเสร็จก็ตัดสินใจกลับที่พักเลย เพราะรู้สึกเหนื่อยเอามากๆ ทั้งๆที่ใน Canal City ยังมีร้านอีกมากมาย เสียดายเหมือนกัน...จบวันที่หนึ่งใน Trip นี้ครับ...

       ผมคิดว่า...ถ้าผมอายุมากกว่านี้ ผมคงไม่สามารถที่จะเดินเที่ยวเยอะๆอย่างนี้ได้แน่ๆ ดังนั้นหากใครวางแผนที่จะท่องเที่ยว อย่าตัดสินใจนานนะครับ มาใช้ชีวิตในขณะที่เรายังมีเรี่ยวแรงอยู่กันดีกว่า...แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อย่าลืมออกกำลังกายและรักษาสุขภาพก่อนมาเที่ยวด้วยนะครับ ไม่งั้นจะเที่ยวไม่สนุกเอา แบบผมไงครับ แค่กๆ